วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

อาการเป็น”ชี๊ด”


***เมื่อกลางปีภรรยามีอาการปวดเหน็บ ๆ

บางที่ก็เจ็บจนป่วยก็มี ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรจึง

ไม่ได้ไปหาหมอ แต่พอเจ็บนานเข้าจึงไปให้

หมอตรวจปรากฏว่าเป็น ชี๊ด ครับมีอยู่ 2 ก้อน

เม็ดเล็กกว่าหัวไม่ขีด

***ตามที่หมอบอกจะอยู่บริเวณ หน้า และหลัง

บริเวณมดลูกหมอแนะนำให้ฉีดยาคุมกำเนิด

ถ้ายังไม่ต้องการมีลูก แต่ถ้ามีลูกก็จะหายไป

หมออธิบายว่า เวลามีเลือดประจำเดือนไอ้เจ้า

เลือดประจำเดือนนี้จะเป็นอาหารที่จะไปเลี้ยง

ก้อนชี๊ดให้โตขึ้นเรื่อย ๆ

***ดังนั้นการทำให้ประจำเดือนหายไปหรือ

หมดไปก็จะทำให้ไม่มีอาหารไปเลี้ยงก้อนชี๊ด

อาการปวดหรือเจ็บก็จะหายไป ดังนั้นผมจึง

จำเป็นต้องให้แฟนฉีดยาคุมเพราะสงสาร

เค้ามาก

***แต่ผมสังเกตว่าถ้าแฟนเคลื่อนร่างกายมาก

ๆ เช่นเดินหรือทำงานปรกติ คือเคลื่อนไหวร่างกาย

มากหน่อยแต่อย่าวิ่ง หรือหักโหมเกินไป

เค้าก็จะไม่ปวด แต่ถ้าต้องนั่งนาน ๆ โดย

ไม่ลุกขึ้นเดินหรือเคลื่อนไหวร่างกายก็จะ

เกิดอาการปวด

***ถ้าใครที่เป็นอยู่และยังไม่มีลูกผมขอแนะ

นำว่าถ้าเกิน 40 ปีไปแล้วก็อย่าทนทรมานเลย

ครับแต่ถ้าใครยังต้องการมีลูกก็ฉีดเดือนละครั้ง

ก็ได้ถ้าอยากมีลูกเดือนนั้นก็ไม่ต้องฉีด

เวลาไปก็ต้องไปให้ตรงกับเวลาประจำเดือน

มาด้วยนะครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเพราะ

แฟนผมก็เคยเสียเวลามาแล้ว

**แล้วพบกันใหม่ ซำบายดีทุกท่าน

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

คันศรีษะ(คันหัว)


***เรื่องคันหัว(ขอใช้คำนี้นะครับ)ก็นำความรำคาญ

มาให้เหมือนกันเพราะบางทีเราก็เกาจนเป็นแผล

กันทีเดียว เรื่องคันหัวผมเจอมาตั้งแต่สมัยอยู่กับ

ยายช่วงวัยเด็กครับ ช่วงนั้นเป็นแผลเกือบทั้งหัว

อาการคันศรีษะเกิดได้หลายกรณีครับ เช่น

คันหัวจากแผลที่เกิดจากการกัดของแมลง

คันหัวจากเชื้อรา

คันหัวจากผมหงอก หรือ ผมคัน(ขนหมู)

คันหัวจากการที่หนังศรีษะแห้ง

คือมีมากครับแต่วิธีก็มีมาให้ลองรักษากัน ก็ของ

ผมส่วนมากจะเป็นวิธีที่คุณยาย หรือคุณแม่เคย

ทำให้ ส่วนผมหงอกน่ะส่วนมากผมจะถอนให้

แม่มากกว่า (ตอนนี้ก็ต้องถอนให้คุณภรรยาแล้ว)

***ถ้าหัวคันเพราะแผลที่เกิดจากแมลงกัน

ช่วงนั้นจำได้ว่า ยาย จะโกนหัวเลยเพราะผม

เกาจนเป็นแผลทั้งหัว รวมทั้งพี่น้องที่อยู่รวมกัน

เพราะสมัยก่อนเราจะนอนด้วยกันอย่านึกว่าผู้ชาย

จะไม่มี “เหา” นะครับ คุณยายจะโกนหัวทุกคน

แล้วจะนำ หัวไพลฝนกับฝาระมี(ฝาหม้อดินเผา)

จากนั้นจะผสมเหล้าขาวลงไปพร้อมกับละลาย

ดินสอผงผสมกันเสร็จแล้วก็จะทาลงบนหัวกันเลย

เย็นครับแล้วก็ไม่คันต้องทำหลายครั้งหน่อยแต่

หายครับ

***ถ้าคันหัวที่เกิดจากเชื้อราคงต้องไปหาหมอดี

กว่า แต่ที่คุณยายผมรักษาให้ผมคือท่านจะใช้

น้ำอุ่นผสมเกลือแกงเอาพอเค็ม แล้วใช้สำลี

จุ่มแล้วบีบให้พอหมาดแล้วนำไปล้างหรือ

เช็ดตรงบริเวณที่เป็นเชื้อรา หรือไม่คุณยาย

ก็จะใช้ หัวไพลฝนกับฝาระมีแล้วนำเหล้าขาว

มาใส่พร้อมกับใส่ผงขมิ้นลงไปแล้วนำมาทา

ถ้าเป็นเด็กก็โกนหัวแล้วทากันที่เห็นหัวเหลือง

ๆ นั่นแหละครับส่วนถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ทาตรง

บริเวณที่เป็นแล้วกันครับถ้าไม่หายก็ไปหาหมอ

***ถ้าอาการคันหัวที่ไม่มีแผลและไม่เป็นเชื้อรา

น่าจะมาจาก”ผมหงอก”อีกอย่างก็มาจาก”ผมคัน

หรือขนหมู”อย่างนี้ง่ายครับถ้าเป็นผมหงอกก็ถอน

กันเลยส่วนมาจะคันกันเพราะผมหงอกนี้แหละ

แต่ ถ้าถอนแล้วไม่หายคันก็นี้เลยครับน่าจะเกิด

จาก”ผมคันหรือขนหมู”ความรู้นี้ได้มาจากแม่ครับ

ไอ้เจ้า “ผมคันหรือขนหมู” นี้จะมีลักษณะดังนี้

*ผมคัน ก็จะเหมือนผมเรานี้แหละครับเพราะจะเป็น

เส้นสีดำ แต่ถ้าเราหาหงอนจนชินแล้วเราจะสังเกต

ออกว่าผมดำบางเส้นจะมีลักษณะที่ไม่เหมือน

อย่างที่เราได้เห็นหรือได้สัมผัสเพราะผมคัน

จะมีลักษณะเส้นผมจะแบนนอกจากจะเส้นแบน

แล้วจะไม่ตรงครับคือจะขด ๆ งอ ๆ ไม่เหมือน

ผมเส้นอื่น ให้ถอนได้เลยรับรองหายคัน

***ส่วนอาการคันศรีษะอื่น ๆ น่าจะมาจาก

การใช้ยาสระผมเพราะยาสระผมก็เป็นสาร

เคมีชนิดหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องลอง

เปลี่ยนยาสระผมไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถูกกับ

หนังศรีษะเรา คืออย่างไปเสียดายครับถ้าใช้

แล้วกันก็เปลี่ยนกันเลย อีกอย่างถ้าสระผมได้

ทุกวันจะยิ่งดีครับอย่างผมก็สระผมทุกวัน

เพราะอากาศสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน

แต่ก่อน 3 วันผมจะสระผมซะทีเพราะอากาศ

ดีไม่ฝุ่นละอองจาก โรงงาน หรือจากไอเสีย

ที่มาจากรถยนต์

***ก็ลองกันดูก่อนนะครับเพราะของโบราณ

ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเพราะถ้าไม่ดีคนเก่าแก่

สมัยคุณ ปู่,ย่า ท่านคงอยู่กันไม่ได้หรอกครับ

ของบางอย่างดีและไม่ต้องเสียเงินซื้อหรือ

ต้องเสียเงินไปหาหมอกันหรอกเอาใกล้ ๆ

มือนี่และ แล้วพบกันใหม่นะครับ ส่วนใครมี

คำแนะนำดี ๆ ก็แสดงความคิดเห็นกันมาได้

นะครับเพื่อน ๆ จะได้ช่วยกันให้สิ่งที่เป็นประโยชน์

แก่สังคมเรา สวัสดีครับ

อาการโรคภูมิแพ้

                               โรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้เป็นปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดการตอบสนองที่ผิดปกติต่อสารท...