****มาทำสวยแบบประหยัด ๆ กันดีกว่า
เรื่องของหน้าสำคัญมาก เพราะเห็นก่อน
และที่สำคัญเป็นเรื่องที่คุณผู้หญิงต้องเน้น
ก่อนเสมอ ก็เลยนำสูตรพอกหน้า มาฝากกัน
ทำได้ด้วยตัวเองวันนี้แนะนำ “น้ำผึ้งผสมงา”
***สูตร “น้ำผึ้งผสมงา” เหมาะกับคนที่มีผิว
หน้าแห้ง และก็เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีรอยเหี่ยว
มาเยือน
***ส่วนผสม
++งา จะเป็นงาขาว หรือ งาดำ ก็ใช้ได้
++น้ำผึ้งแท้นะ
***การทำ ก็ให้นำงาประมาณ 2 ช้อนชานำมา
บดให้ละเอียด (ไม่ต้องคั่ว) จากนั้นก็นำน้ำผึ้ง
มาผสมเล็กน้อย ประมาณว่าให้ข้นหน่อยประมาณ
1 ช้อนชา เพิ่มได้ตามส่วน
***ก่อนใช้ ก็ล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นก็นำ
สูตรที่ผสมเตรียมไว้แล้ว นำมาทาให้ทั่ว
โดยเว้น บริเวณรอบปาก และ รอบขอบตาไว้
ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือประมาณว่า
เราเริ่มร้อนที่หน้าก็ให้ล้างน้ำออกโดยให้ล้าง
ด้วย “น้ำอุ่น” เช็ดให้แห้ง จากนั้นก็แล้ว
แต่ว่าคุณจะทาอะไรก่อนนอน
**แล้วจะไปถามมาให้อีกนะ เพราะ
เห็นใช้กันแล้วหน้าสวยกันทั้งนั้นแล้ว
พบกันใหม่ หวัดดี จ๊าบ
การดูแลสุขภาพดีจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีความสุข การดูแลสุขภาพที่ดีนอกจากเรื่องอาหารแล้วของที่เราซื่อ มาใช้ต้องไม่ทำให้เกิดโทษหรือมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย รักษาศีลด้วยก็จะดีเพราะจะทำให้ไม่เครียดจิต ใจผ่องใสร่างกายก็มีราศีไปด้วย
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554
เคล็ดลับการดูแลร่างกาย 1
****คุณผู้หญิงมักเสียเวลาหรืออาจหมดความ
มั่นใจไปทันทีที่ร่างกายบางอย่างไม่สวยหรือ
ไม่เป็นที่ถูกใจ อย่างแฟนผมแน่นอน ว่าความ
มั่นใจของผู้หญิงต้องมาพร้อมกับความสมบูรณ์
ของทุกส่วนของร่างกายวันนี้ก็เลยนำเอา
บางอย่างที่จำได้ว่าแฟนผมใช้อยู่บ่อย
เผื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์บางนะครับ
***เรื่องของตาบวม ร้องไห้มา หรือจะ อะไร
ก็แล้วลองใช้วิธีนี้กันนำช้อน(ที่ใช้รับประทาน
อาหาร)นำไปแช่ในตู้เย็น ไม่ใช่เอามาทาน
นะครับแต่ให้นำมาวางลงบนเปลือกตา
จะกว่าอาการบวมนะลดลง หรือ วิธีง่าย
และได้ผลก็ ให้ฝานแตงกวาเป็นแผ่น
บาง ๆ วางลงบนเปลือกตา จนกว่าจะ
แห้งหรือประมาณ 15 นาทีก็ได้แล้วครับ
***ในกรณีที่ตาช้ำเพราะอดนอนหรือ
พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ควรดื่มน้ำมาก ๆ
ประมาณว่าวันละ 8-10 แก้วและควรนอน
ให้หลับอย่างนอนวันละ 8 ชั่วโมงเป็น
อย่างน้อย ถ้าอยากให้หายไว้ก็แนะนำ
แตงกวาเหมือนเดิมครับสุดยอด
***ของที่ไม่อยากได้ของผู้หญิงคืออะไร
คำตอบ “ตีนกา”ไม่ต้องไปทำศัลยกรรม
ให้เสียเงินทองหรอกครับ ให้ลองใช้ครีม
กันแดดที่ SPF 15 ขึ้นไปร่วมกับครีมบำรุง
ผิวทีมีส่วนผสมของ Retin-A เช๊ดเบานะครับ
และควรจะให้แว่นกันแดดบ้างเมื่อเวลา
อยู่กลางแดดนาน ๆ
**ก็เล็กน้อยครับถ้าใครจะแนะนำอะไร
ก็แสดงความคิดเห็นกันเข้ามานะครับ
จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ามาท่านอื่นด้วย
สวัสดีครับ ขอให้สวยวันสวยคืนครับ
มั่นใจไปทันทีที่ร่างกายบางอย่างไม่สวยหรือ
ไม่เป็นที่ถูกใจ อย่างแฟนผมแน่นอน ว่าความ
มั่นใจของผู้หญิงต้องมาพร้อมกับความสมบูรณ์
ของทุกส่วนของร่างกายวันนี้ก็เลยนำเอา
บางอย่างที่จำได้ว่าแฟนผมใช้อยู่บ่อย
เผื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์บางนะครับ
***เรื่องของตาบวม ร้องไห้มา หรือจะ อะไร
ก็แล้วลองใช้วิธีนี้กันนำช้อน(ที่ใช้รับประทาน
อาหาร)นำไปแช่ในตู้เย็น ไม่ใช่เอามาทาน
นะครับแต่ให้นำมาวางลงบนเปลือกตา
จะกว่าอาการบวมนะลดลง หรือ วิธีง่าย
และได้ผลก็ ให้ฝานแตงกวาเป็นแผ่น
บาง ๆ วางลงบนเปลือกตา จนกว่าจะ
แห้งหรือประมาณ 15 นาทีก็ได้แล้วครับ
***ในกรณีที่ตาช้ำเพราะอดนอนหรือ
พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ควรดื่มน้ำมาก ๆ
ประมาณว่าวันละ 8-10 แก้วและควรนอน
ให้หลับอย่างนอนวันละ 8 ชั่วโมงเป็น
อย่างน้อย ถ้าอยากให้หายไว้ก็แนะนำ
แตงกวาเหมือนเดิมครับสุดยอด
***ของที่ไม่อยากได้ของผู้หญิงคืออะไร
คำตอบ “ตีนกา”ไม่ต้องไปทำศัลยกรรม
ให้เสียเงินทองหรอกครับ ให้ลองใช้ครีม
กันแดดที่ SPF 15 ขึ้นไปร่วมกับครีมบำรุง
ผิวทีมีส่วนผสมของ Retin-A เช๊ดเบานะครับ
และควรจะให้แว่นกันแดดบ้างเมื่อเวลา
อยู่กลางแดดนาน ๆ
**ก็เล็กน้อยครับถ้าใครจะแนะนำอะไร
ก็แสดงความคิดเห็นกันเข้ามานะครับ
จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ามาท่านอื่นด้วย
สวัสดีครับ ขอให้สวยวันสวยคืนครับ
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554
อาการพังผืดที่ปีกมดลูก
****บล็อกนี้ให้แฟนช่วยเขียนให้ครับเพราะเขาเป็น
อยู่และก็เห็นแล้วเราก็ไม่สบายใจมาก ๆ เพราะแฟนจะ
ทรมานมากเวลาเจ็บ ทำงานหนักก็ไม่ได้ยิ่ง วิ่ง
หรือ เดินมาก ๆ หรือเต้นอาโรบิด แค่ยกขาหรือกระโดด
ก็เป็นเรื่องเลย ข้อความนี้ผมย้ายมาจากบล็อกเดิมครับ
เพราะเนื้อที่เริ่มไม่พอแล้ว
***ใครมีคำแนะนำที่ดีกว่านี้ หรือ วิธีปฏิบัติตัวอย่าง
ไรก็บอกผ่านมาได้นะครับ จะได้ช่วย ๆ กันแต่ไม่แนะ
นำทางไสยศาสน์นะครับ
.....กว่าจะรู้ว่าปวดเพราะพังผืดที่ปีกมดลูก
ใครจะคิดล่ะว่า นี่คือผลพวงจากการผ่าตัด
ดิฉันเคยผ่าตัดซีสที่ปีกมดลูก เมื่อปี 39 ค่ะ และนี่ก็ผ่านมา
10 ปีแล้ว หลังผ่าตัดจนถึงวันที่เริ่มมีอาการ
.....พังผืด กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นพังผืดที่ปีกมดลูกที่เกิดจากการ
ผ่าตัดซีส ก็ทรมานเสียหลายเดือน ไปโรงพยาบาลก็หลายรอบ
พบหมอก็หลายคน ไปทั้งตรวจทางสูตินารี ตรวจเกี่ยวกับโรคไขข้อ
โรคกระดูก เพราะมีอาการปวดหลัง ปวดเอว ร่วมด้วย
.....เพิ่งมารู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก ที่จากการผ่าตัดซีส
ก็เมื่อเดือนพฤษภาคมนี้เอง
เพราะเกิดปวดตรงขาหนีบรุนแรงมาก แต่ไม่ได้ไปหาหมอ
(เพราะเป็นวันหยุด) ก็เลยทานยาแก้ปวด ก็ไม่หายปวดแล้ว
เย็นวันที่ 5 พ.ค. ก็ไปหาหมอแบบฉุกเฉิน ผลตรวจภายในออกมาว่า
เราเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก ที่เกิดจากการผ่าตัดซีส
.....อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกนี้ไม่หาย ถ้าเรายังมีประจำเดือน
หมอบอกว่าต้องตัดมดลูกทิ้งทั้งสองข้าง อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูก
นี้ก็จะหาย พอดิฉันได้ฟังก็อึ้ง
แต่หมอบอกว่าไม่อยากให้ตัดมดลูกตอนนี้ เพราะตัดแล้วไม่มีฮอร์โมน
ผู้หญิงจะทำให้แก่ (ได้ยินคำว่าแก่แล้ว เลยไม่ตัดดีกว่าค่ะ ฮะ ฮะ)
หมอให้ยาพอนสแตน 500 ไปทาน และต้องทานทุกเดือน เพราะเจ็บ
ทุกครั้งที่มีประจำเดือน
พอวันที่ 9 พ.ค. เลยไปหาหมอสูตินารีอีกรอบ และได้ซาวด์ช่องคลอด
สรุปคือ ดิฉันเป็นพังผืดที่ปีกมดลูกค่ะ
หมอบอกวิธีรักษาพังผืดที่ปีกมดลูกคือ ฉีดยาเพื่อให้มดลูกฝ่อไปเอง
ฉีดยาไม่ให้ประจำเดือนมา จนมดลูกฝ่อไปเอง
แต่หมอยังไม่อยากฉีดยาให้ เพราะยังมีโออาสมีลูกอยู่
.....วิธีแก้คือต้องรีบมีลูก อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกนี้จะหาย
(ดิฉันอยู่ในภาวะมีลูกยาก)
***อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกที่ดิฉันเป็นอยู่ก็คือ ถึงเวลาประจำ
เดือนมา ก็จะเริ่มมีอาการปวดตุ๊บ ๆ เหนือขาหนีบด้านขวาตามมาทันที
เมื่อเริ่มปวดพังผืดที่ปีกมดลูก ก็ต้องทานยาทันที และทานไปจนกว่า
จะหายปวดพังผืดที่ปีกมดลูก กินเวลา 2 สัปดาห์ได้ (**แล้วจะมี
วันไหนทำลูกได้ล่ะคะ ก็เล่นปวดอยู่ตลอด ฮิ ฮิ)
.....ทุกวันนี้พอถึงเวลาก็ทานยา ทานยา แก้ปวดพังผืดที่ปีกมดลูก
แต่ดิฉันก็คลายกังวลไปแล้ว เพราะรู้แล้วว่าเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก
ไม่ต้องเดาสุ่มว่าตัวเองเป็นโน่น เป็นนี่ (อีกอย่าง สามีดิฉันก็ให้กำลังใจ
ตลอด ถึงเวลาก็เอายาให้ทาน ปวดก็คอยนวดให้)
***ใครมีอาการอย่างนี้หรือนอกเหนือจากที่อ่าน ก็เขียนมาเล่ากันบ้างนะคะ
ยินดีรับฟังปัญหาทุกเรื่อง รออยู่นะคะ***
****ตอนนี้แฟนผมน่าจะหายแล้วนะครับ เพราะช่วงนี้ไม่มีอาการ
อย่างที่เคยเป็น จะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ไม่ทราบแต่ก็ฉีดยาคุม
ไป 2-3 รอบเห็นจะได้ ก็น่าลองนะครับเพราะหมอแนะนำมา
แบบนี้ทุกท่านเลย แต่เราแพ้ยาอะไรต้องบอกหมอไปให้หมด
นะครับจะได้ไม่เป็นอะไรเกิดซ้อนขึ้นมาอีก รัก สวัสดี
อยู่และก็เห็นแล้วเราก็ไม่สบายใจมาก ๆ เพราะแฟนจะ
ทรมานมากเวลาเจ็บ ทำงานหนักก็ไม่ได้ยิ่ง วิ่ง
หรือ เดินมาก ๆ หรือเต้นอาโรบิด แค่ยกขาหรือกระโดด
ก็เป็นเรื่องเลย ข้อความนี้ผมย้ายมาจากบล็อกเดิมครับ
เพราะเนื้อที่เริ่มไม่พอแล้ว
***ใครมีคำแนะนำที่ดีกว่านี้ หรือ วิธีปฏิบัติตัวอย่าง
ไรก็บอกผ่านมาได้นะครับ จะได้ช่วย ๆ กันแต่ไม่แนะ
นำทางไสยศาสน์นะครับ
.....กว่าจะรู้ว่าปวดเพราะพังผืดที่ปีกมดลูก
ใครจะคิดล่ะว่า นี่คือผลพวงจากการผ่าตัด
ดิฉันเคยผ่าตัดซีสที่ปีกมดลูก เมื่อปี 39 ค่ะ และนี่ก็ผ่านมา
10 ปีแล้ว หลังผ่าตัดจนถึงวันที่เริ่มมีอาการ
.....พังผืด กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นพังผืดที่ปีกมดลูกที่เกิดจากการ
ผ่าตัดซีส ก็ทรมานเสียหลายเดือน ไปโรงพยาบาลก็หลายรอบ
พบหมอก็หลายคน ไปทั้งตรวจทางสูตินารี ตรวจเกี่ยวกับโรคไขข้อ
โรคกระดูก เพราะมีอาการปวดหลัง ปวดเอว ร่วมด้วย
.....เพิ่งมารู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก ที่จากการผ่าตัดซีส
ก็เมื่อเดือนพฤษภาคมนี้เอง
เพราะเกิดปวดตรงขาหนีบรุนแรงมาก แต่ไม่ได้ไปหาหมอ
(เพราะเป็นวันหยุด) ก็เลยทานยาแก้ปวด ก็ไม่หายปวดแล้ว
เย็นวันที่ 5 พ.ค. ก็ไปหาหมอแบบฉุกเฉิน ผลตรวจภายในออกมาว่า
เราเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก ที่เกิดจากการผ่าตัดซีส
.....อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกนี้ไม่หาย ถ้าเรายังมีประจำเดือน
หมอบอกว่าต้องตัดมดลูกทิ้งทั้งสองข้าง อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูก
นี้ก็จะหาย พอดิฉันได้ฟังก็อึ้ง
แต่หมอบอกว่าไม่อยากให้ตัดมดลูกตอนนี้ เพราะตัดแล้วไม่มีฮอร์โมน
ผู้หญิงจะทำให้แก่ (ได้ยินคำว่าแก่แล้ว เลยไม่ตัดดีกว่าค่ะ ฮะ ฮะ)
หมอให้ยาพอนสแตน 500 ไปทาน และต้องทานทุกเดือน เพราะเจ็บ
ทุกครั้งที่มีประจำเดือน
พอวันที่ 9 พ.ค. เลยไปหาหมอสูตินารีอีกรอบ และได้ซาวด์ช่องคลอด
สรุปคือ ดิฉันเป็นพังผืดที่ปีกมดลูกค่ะ
หมอบอกวิธีรักษาพังผืดที่ปีกมดลูกคือ ฉีดยาเพื่อให้มดลูกฝ่อไปเอง
ฉีดยาไม่ให้ประจำเดือนมา จนมดลูกฝ่อไปเอง
แต่หมอยังไม่อยากฉีดยาให้ เพราะยังมีโออาสมีลูกอยู่
.....วิธีแก้คือต้องรีบมีลูก อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกนี้จะหาย
(ดิฉันอยู่ในภาวะมีลูกยาก)
***อาการปวดพังผืดที่ปีกมดลูกที่ดิฉันเป็นอยู่ก็คือ ถึงเวลาประจำ
เดือนมา ก็จะเริ่มมีอาการปวดตุ๊บ ๆ เหนือขาหนีบด้านขวาตามมาทันที
เมื่อเริ่มปวดพังผืดที่ปีกมดลูก ก็ต้องทานยาทันที และทานไปจนกว่า
จะหายปวดพังผืดที่ปีกมดลูก กินเวลา 2 สัปดาห์ได้ (**แล้วจะมี
วันไหนทำลูกได้ล่ะคะ ก็เล่นปวดอยู่ตลอด ฮิ ฮิ)
.....ทุกวันนี้พอถึงเวลาก็ทานยา ทานยา แก้ปวดพังผืดที่ปีกมดลูก
แต่ดิฉันก็คลายกังวลไปแล้ว เพราะรู้แล้วว่าเป็นพังผืดที่ปีกมดลูก
ไม่ต้องเดาสุ่มว่าตัวเองเป็นโน่น เป็นนี่ (อีกอย่าง สามีดิฉันก็ให้กำลังใจ
ตลอด ถึงเวลาก็เอายาให้ทาน ปวดก็คอยนวดให้)
***ใครมีอาการอย่างนี้หรือนอกเหนือจากที่อ่าน ก็เขียนมาเล่ากันบ้างนะคะ
ยินดีรับฟังปัญหาทุกเรื่อง รออยู่นะคะ***
****ตอนนี้แฟนผมน่าจะหายแล้วนะครับ เพราะช่วงนี้ไม่มีอาการ
อย่างที่เคยเป็น จะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ไม่ทราบแต่ก็ฉีดยาคุม
ไป 2-3 รอบเห็นจะได้ ก็น่าลองนะครับเพราะหมอแนะนำมา
แบบนี้ทุกท่านเลย แต่เราแพ้ยาอะไรต้องบอกหมอไปให้หมด
นะครับจะได้ไม่เป็นอะไรเกิดซ้อนขึ้นมาอีก รัก สวัสดี
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554
อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 1
****อาหารเช้าเป็นส่วนที่สำคัญในการที่ร่างกาย
จะนำไปใช้แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบหรือบาง
ท่านไม่รับประทานอาหารเช้ากันเลย ก็น่าเสียดาย
นะครับ บางคนกลัวอ้วนก็น่าเห็นใจนะครับ
วันนี้ผมเลยนำอาหารที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อ
ร่างกายและไม่ทำให้หุ่นของคุณขยายแน่นนอน
ขอแนะนำเมนูนี้นะครับ
**ตัวแรก “ไข่” หลายคนคิดถึงคอเลสเตอรอลมา
ก่อนเป็นเป็นอันดับแรกเลย แต่ “ไข่” มีโปรตีน
ที่ช่วยในการเผาผลาญของร่างกาย อีกทั้งยังกระตุ้น
“อินชูลิน” ให้หลั่งช้าลง ถ้าไม่ทานอะไรเลยก็
ขอเป็นแค่ ไข่กับขนมปัง ก็ยังดี หรือ ไข่ต้มก็ได้
**ต่อไป น้ำผลไม้ อันนี้แฟนผมทานทุกเช้า
เป็นการกินอาหารแบบเบา ๆครับเดี๋ยวนี้น้ำผลไม้
กล่องมีให้เลือกเยอะครับเห็นแฟนบอกว่าทาน
แล้ว ถ่ายท้องดี คือท้องไม่ผูกครับ
**ข้าว ครับ ก็เป็นประเภท ข้าวต้ม หรือ โจ๊ก ก็ได้
ครับเป็นพวก ข้าวโอ๊ต น่าจะดีครับ เพราะเป็น
ธัญญาหารที่ให้ไขมันต่ำ เหมือนเราตุ้นไว้นะครับ
เพราะข้าวโอ๊ดจะค่อย ๆ ปล่อยพลังงานออกมา
ก็เลยทำให้อิ่มได้นานเลยครับ แล้วค่อยว่ากันใหม่
ตอนเที่ยง ก็ยังดีครับ
**ต่อไปนี้คนอินเดียชอบมากครับ “ถั่ว” แต่ของคุณ
อาจเป็นพวก อัลมอนต์ หรือ ประเภท เม็ดมะม่วงหิมพานต์
ก็ได้ครับ ทานพร้อมกับโยเกิร์ต จะทานสด หรือ ปั่น
รวมกันก็ได้ครับ แต่ผมว่าปั่น ดีกว่าครับ ก็มี
ถั่ว+น้ำ(หรือนมเป็นถั่วเหลือง)+โยเกิร์ต ปั่นให้เข้า
กัน เป็นอาหารที่เขาว่า ไขมันไม่อิ่มตัว
***เป็นไงครับรับรองไม่อ้วน ไม่ลงพุง แฟนผมทาน
ประจำไม่เห็นอ้วนเลย ทานอาหารเช้าบางเถอะครับ
เป็นห่วง ง่ะ สวัสดีครับ
จะนำไปใช้แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบหรือบาง
ท่านไม่รับประทานอาหารเช้ากันเลย ก็น่าเสียดาย
นะครับ บางคนกลัวอ้วนก็น่าเห็นใจนะครับ
วันนี้ผมเลยนำอาหารที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อ
ร่างกายและไม่ทำให้หุ่นของคุณขยายแน่นนอน
ขอแนะนำเมนูนี้นะครับ
**ตัวแรก “ไข่” หลายคนคิดถึงคอเลสเตอรอลมา
ก่อนเป็นเป็นอันดับแรกเลย แต่ “ไข่” มีโปรตีน
ที่ช่วยในการเผาผลาญของร่างกาย อีกทั้งยังกระตุ้น
“อินชูลิน” ให้หลั่งช้าลง ถ้าไม่ทานอะไรเลยก็
ขอเป็นแค่ ไข่กับขนมปัง ก็ยังดี หรือ ไข่ต้มก็ได้
**ต่อไป น้ำผลไม้ อันนี้แฟนผมทานทุกเช้า
เป็นการกินอาหารแบบเบา ๆครับเดี๋ยวนี้น้ำผลไม้
กล่องมีให้เลือกเยอะครับเห็นแฟนบอกว่าทาน
แล้ว ถ่ายท้องดี คือท้องไม่ผูกครับ
**ข้าว ครับ ก็เป็นประเภท ข้าวต้ม หรือ โจ๊ก ก็ได้
ครับเป็นพวก ข้าวโอ๊ต น่าจะดีครับ เพราะเป็น
ธัญญาหารที่ให้ไขมันต่ำ เหมือนเราตุ้นไว้นะครับ
เพราะข้าวโอ๊ดจะค่อย ๆ ปล่อยพลังงานออกมา
ก็เลยทำให้อิ่มได้นานเลยครับ แล้วค่อยว่ากันใหม่
ตอนเที่ยง ก็ยังดีครับ
**ต่อไปนี้คนอินเดียชอบมากครับ “ถั่ว” แต่ของคุณ
อาจเป็นพวก อัลมอนต์ หรือ ประเภท เม็ดมะม่วงหิมพานต์
ก็ได้ครับ ทานพร้อมกับโยเกิร์ต จะทานสด หรือ ปั่น
รวมกันก็ได้ครับ แต่ผมว่าปั่น ดีกว่าครับ ก็มี
ถั่ว+น้ำ(หรือนมเป็นถั่วเหลือง)+โยเกิร์ต ปั่นให้เข้า
กัน เป็นอาหารที่เขาว่า ไขมันไม่อิ่มตัว
***เป็นไงครับรับรองไม่อ้วน ไม่ลงพุง แฟนผมทาน
ประจำไม่เห็นอ้วนเลย ทานอาหารเช้าบางเถอะครับ
เป็นห่วง ง่ะ สวัสดีครับ
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554
ประโยชน์ของกาแฟ
***พอดีไปเจอบทความดี ๆ เรื่องเกี่ยวกับกาแฟเห็นว่าน่า
จะมีประโยชน์ก็เลยขออนุญาตนำมาลงเพื่อเผยแพร่
ก็ลองอ่านดูนะครับเพราะ copy มาทั้งหมดเลย
ขอขอบคุณ แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์มติชน
มาก ๆ ครับ
ข่าวดีล่าสุด"ประโยชน์กาแฟ" ลดเบาหวานและอีกหลายโรค
ข่าวดีล่าสุด"ประโยชน์กาแฟ" ลดเบาหวานและอีกหลายโรค
คอลัมน์ โฟกัสสุขภาพ
ผลวิจัยเรื่องนี้เป็นผลงานของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกข่าวดีล่าสุดจากประโยชน์ของการดื่มกาแฟ (แต่ต้องเป็นกาแฟที่ไม่ได้สกัดคาเฟอีนออก)
ผลวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาจากคนจำนวนกว่า 1.93 แสนคน พบว่าผู้ดื่มกาแฟเป็นประจำมีความเสี่ยงจากการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (ร่างกายต่อต้านอินซูลิน) ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ไม่ดื่ม โดยยิ่งดื่มมากความเสี่ยงยิ่งต่ำ
นอกจากนี้แม้กาแฟจะได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอันตรายต่อหัวใจ แต่การศึกษาล่าสุดนี้ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจ แต่กลับพบว่าบุคคลที่มีสุขภาพดีวัย 65 ปีขึ้นไป ซึ่งดื่มกาแฟ (ชนิดมีคาเฟอีน) วันละ 4 แก้วหรือมากกว่านั้นทุกวัน มีความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ไม่ดื่มถึง 53%
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมกาแฟจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคดังกล่าว แต่ผู้วิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะในกาแฟมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยพบว่ากาแฟมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับที่องุ่นมี และยังมีมากกว่าบลูเบอร์รี่เสียอีก
อีกทั้งเชื่อว่าแมกนีเซียมในกาแฟช่วยให้เซลล์ในร่างกายอ่อนไหวต่ออินซูลิน (จึงช่วยป้องกันเบาหวาน) นอกจากนี้กาแฟยังเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคพาร์คินสัน,นิ่วน้ำดีและมะเร็งตับ
ผู้วิจัยบอกว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วไม่เป็นอันตราย แต่กลับเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามผู้วิจัยไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟเพื่อป้องกันโรค และหากดื่มมากเกินไปจะก่อภาวะไม่สบายได้ เช่นนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ
ส่วนผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่เดิมก็ไม่ควรดื่ม รวมทั้งคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตร ก็ควรงดเว้นการดื่มเพราะคาเฟอีนจะไปผสมอยู่ในน้ำนมมารดา
แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์มติชน
จะมีประโยชน์ก็เลยขออนุญาตนำมาลงเพื่อเผยแพร่
ก็ลองอ่านดูนะครับเพราะ copy มาทั้งหมดเลย
ขอขอบคุณ แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์มติชน
มาก ๆ ครับ
ข่าวดีล่าสุด"ประโยชน์กาแฟ" ลดเบาหวานและอีกหลายโรค
ข่าวดีล่าสุด"ประโยชน์กาแฟ" ลดเบาหวานและอีกหลายโรค
คอลัมน์ โฟกัสสุขภาพ
ผลวิจัยเรื่องนี้เป็นผลงานของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกข่าวดีล่าสุดจากประโยชน์ของการดื่มกาแฟ (แต่ต้องเป็นกาแฟที่ไม่ได้สกัดคาเฟอีนออก)
ผลวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาจากคนจำนวนกว่า 1.93 แสนคน พบว่าผู้ดื่มกาแฟเป็นประจำมีความเสี่ยงจากการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (ร่างกายต่อต้านอินซูลิน) ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ไม่ดื่ม โดยยิ่งดื่มมากความเสี่ยงยิ่งต่ำ
นอกจากนี้แม้กาแฟจะได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอันตรายต่อหัวใจ แต่การศึกษาล่าสุดนี้ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจ แต่กลับพบว่าบุคคลที่มีสุขภาพดีวัย 65 ปีขึ้นไป ซึ่งดื่มกาแฟ (ชนิดมีคาเฟอีน) วันละ 4 แก้วหรือมากกว่านั้นทุกวัน มีความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ไม่ดื่มถึง 53%
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมกาแฟจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคดังกล่าว แต่ผู้วิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะในกาแฟมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยพบว่ากาแฟมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับที่องุ่นมี และยังมีมากกว่าบลูเบอร์รี่เสียอีก
อีกทั้งเชื่อว่าแมกนีเซียมในกาแฟช่วยให้เซลล์ในร่างกายอ่อนไหวต่ออินซูลิน (จึงช่วยป้องกันเบาหวาน) นอกจากนี้กาแฟยังเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคพาร์คินสัน,นิ่วน้ำดีและมะเร็งตับ
ผู้วิจัยบอกว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วไม่เป็นอันตราย แต่กลับเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามผู้วิจัยไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟเพื่อป้องกันโรค และหากดื่มมากเกินไปจะก่อภาวะไม่สบายได้ เช่นนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ
ส่วนผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่เดิมก็ไม่ควรดื่ม รวมทั้งคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตร ก็ควรงดเว้นการดื่มเพราะคาเฟอีนจะไปผสมอยู่ในน้ำนมมารดา
แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์มติชน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
อาการโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้เป็นปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดการตอบสนองที่ผิดปกติต่อสารท...
-
ตาอักเสบเพราะแสงเชื่อมเหล็ก *** เรื่องเกี่ยวกับอาการเจ็บตาเหมือนมีเม็ดทรายเข้าไป เกาะอยู่ในลูกตานั้นช่างเชื่อมเหล็กรู้และเป็นกันทุกคน ...
-
****”หูด” เป็นก้อนเนื้อที่จะมีลักษณะที่ส่วนหัวของ “หูด” เวลาที่เราเอามือลูบบริเวณหัวของ “หูด” จะมีความรู้สึก สาก ๆ มือครับ สีของ “หูด” จะออก...