วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ใยอาหาร

***อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายต้องมี ใยอาหาร
เป็นส่วนสำคัญ ใยอาหาร มีมากกับอาหารจำพวก
ผัก ผลไม้เป็น ใยอาหารคาร์โบไอเดรต ที่โมเลกุล
ใหญ่บางชนิดอาจถูกย่อยโดยจุลินทรีย์บางชนิด
ในทางเดินอาหาร
***ใยอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อช่วยให้การ
ขับถ่ายสะดวก ลดการดูดซึมกากน้ำตาล และยัง
ช่วยจับไขมันจากอาหาร จึงเป็นผลดีกับคนที่เป็น
เบาหวาน ช่วยป้องกันการดูดซึมของสารก่อมะเร็ง
ลดการสัมผัสต่อผนังลำไส้ และยังช่วยในการลดน้ำหนัก
เพราะจะทำให้อิ่มเร็ว
***ใยอาหาร มีเซลลูโลสที่มีคุณสมบัติเป็นน้ำ จึง
มีผลทำให้อุจจาระอ่อน เพื่อช่วยในการขัยถ่าย
และลดอาการท้องผูกลงได้ ทำให้เราห่างไกล
จากมะเร็งลำไส้ใหญ่ ริดสีดวงทวาร และ ลำไส้
โป่งพอง
***ใยอาหาร ยังดีสำหรับวัยรุ่น เพราะเป็นช่วงที่
ทานอาหารยากก็ให้พยายามทานผัก ผลไม้ ให้มาก
ๆ พร้อมกับทานอาหารอื่น ๆ คู่กันไปด้วยเพราะ
จะทำให้การคุมน้ำหนักได้ดีลดอาการของโรคอ้วน
***ใยอาหาร ยังมีประโชน์ต่อคุณแม่หลังการ
คลอดบุตร การทาน ใยอาหาร ในปริมาณที่เหมาะสม
เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่ใยอาหารในตอนเช้าเพราะ
ใยอาหารจะเน้นการดูดซับอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต
และวิตามินกับแร่ธาตุที่มีโมเลกุลเล็ก ถ้าดื่มใยอาหาร
เพียงวันละหนึ่งเมื้อก็ใช้ได้แล้ว
***ใยอาหาร ในผู้สูงอายุเนื่องระบบการย่อยอาหาร
ทางเดินปัสสาวะ และ ไต ในผู้สูงอายุเสื่อมลงการ
รับประทานอาหารที่มีใยอาหาร จะช่วยลดอาการ
ท้องผูกในรายผู้สูงอายุได้ เส้นใยอาหาร ไม่ใช่อาหาร
แต่เป็นที่ได้จากพืชผักและผลไม้ ซึ่งนอกจากจะไม่
ถูกย่อยแล้วยังทำหน้าที่ดูดน้ำทำให้อุจจาระมีน้ำหนัก
และถ่ายออกง่าย และยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
ช่วยให้ท้องไม่ผูก
***ใยอาหาร มีประโยชน์มากแต่ก็ต้องปรึกษา
แพทย์ก่อนก็ยิ่งดีเพราะเกี่ยวธาตุของคนเราด้วย
ก็นำสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์มาฝากนะครับ
แล้วพบกันใหม่

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารต้านมะเร็ง

*****อาหารต้านมะเร็งคงจะเป็นที่น่าสนใจดีนะครับ
เพราะโรคมะเร็งเป็นโรคที่ไม่มีใครอยากเป็นกัน
ก็เลยนำอาหารที่ใช้ในการต้านการเกิดมะเร็งมา
ฝากกันครับควรทานเป็นประจำเพื่อที่จะได้มีสุขภาพ
แข็งแรงและสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายจากโรคภัย
ที่เราไม่พึงประสงค์
***อาหารต้านมะเร็งที่จะแนะนำก็มีดังนี้ครับ
1. ผักโขม เป็นตัวช่วยที่ดีในด้านการขับถ่าย ผักโขม
ยังมีไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหารสูง ดังนั้น ผักโขม
จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ได้
2. บร็อคโคลี่ ตัวบร็อคโคลี่จะช่วยในการลดความ
ต่อมะเร็งเต้านมและต่อมลูกหมากลงได้
3. กะหล่ำปลี เป็นผักที่หารับประทานได้ง่ายและ
ราคาก็ไม่แพงเป็นอาหารที่เราส่วนมากหารับประ
ทานกันได้เป็นประจำ กะหล่ำปลี จะช่วยลดความ
เสี่ยงของมะเร็งเต้านมในคุณผู้หญิงครับ
ส่วนในผู้ชายจะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งใน
ต่อมลูกหมาก
4. เกรฟ ฟรุต ตัวเกรฟ ฟรุต เป็นผลไม้ลักษณะเหมือน
ผลส้มครับแต่ผลจะใหญ่กว่ามาก มีเนื่อสีแดงคล้าย
ทับทิม มีวิตามิน และมีสารต้านอนุมูลอิสระประเภท
“ฟลาโวนอยต์” ดังนั้น ผลเกรฟ ฟรุต จึงสามารถ
ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้หลายชนิด
เช่น มะเร็งในช่องท้อง และมะเร็งผิวหนัง
5. ลูกพรุน ลูกพรุนมีไฟเบอร์ หรือเส้นใยอาหารสูง
จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดี จึงช่วยให้ลดความ
เสี่ยงจากมะเร็งลำไส้ได้
6. ส้ม สำหรับผู้ที่กินส้มอยู่เป็นประจำ จะสามารถ
ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในช่องท้อง
ได้ถึง 60% และผลส้มยังมี วิตามินซี ทำให้
เราห่างไกลจากอาหารหวัดลงได้ด้วย
7. ราสพ์เบอร์รี่ ในผลราสพ์เบอร์รี่ จะมีสารเอล
ลาจิค แอชิด ซึ่งเป็นสารที่สามารถชะลอ
การลุกลามของเซลส์มะเร็งได้
8. สตรอเบอร์รี่ ในผลสตรอเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ
และยังมีวิตามินซี ผลสตรอเบอร์รี่จึงสามารถ
ป้องกันการเกิดเซลส์มะเร็งในร่างกายได้
9. ลูกพลับแดง มีวิตามินซีสูง และลูกพลับแดง
ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยหยุดยั้ง
และชะลอการก่อตัวของเซลส์มะเร็งได้
10. ลูกเกด ลูกเกดมีสารต้านอนุมูลอิสระ เควอเซทีน
ซึ่งเป็น ไฟโตเอสโตรเจน ที่วิจัยออกมาแล้วว่า
สามารถลดความเสี่ยงจากเกิดมะเร็งเต้านมได้
*****ในส่วนของอาหารที่มีประโยชน์ต่อการต้านการ
เกิดมะเร็งแม้จะมีประโยชน์ แต่ถ้าคุณต้องการให้
อาหารเหล่านี้เกิดประโยชน์สูงสุดในการลดความเสี่ยง
ของการเกิดมะเร็งคุณก็ควรที่จะ ออกกำลังกาย
เป็นประจำ งดหรือควรเลิกสูบบุหรี่ และที่สำคัญ
ควรเลิกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เท่านี้ก็
จะสามารถห่างไกลจากการเกิดมะเร็งได้
และยังมีผลทำให้ร่างกายแข็งแรงและความ
ความต้านทานโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น
***แล้วพบกันใหม่สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีทำให้นอนหลับ

****ร่างกายคนเราถ้าพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทำ
การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ป่วยได้ง่าย และจะ
ให้มีอาการเครียด หงุดหงิด ทั้งวันที่เดียว วันนี้
จะมาแนะนำทำอย่างไรให้เราหลับแบบสบาย ๆกัน
***อยากนอนให้หลับต้องทำอะไรบ้าง
1. อย่าดื่มน้ำก่อนนอน เพราะจะได้ไม่ปวดปัสสาวะ
เวลานอนจะได้ไม่มีอะไรมาขัดจังหวะควรงดดื่มน้ำ
ประมาณช่วงเวลา 18.00 น. คือดื่มได้แต่อย่ามาก
2. ห้ามนำต้นไม้มาวางในห้องนอนเด็ดขาด เพราะต้นไม้
จะคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในตอน
กลางคืน แต่จะดูดออกซิเจนเข้าไปแทน จะทำ
ให้เรารู้สึกหายใจไม่ออกและจะทำให้นอน
ไม่ค่อยหลับ
3. ลดอาหารประเภทแป้ง และอาหารที่หวานจัด โดย
เฉพาะน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมจะเป็นอะไรที่
ร่างกายจะใช้เวลาย่อยนานมาก และที่สำคัญ
เป็นสาเหตุของความอ้วนอีกด้วย ถ้าเป็นไปได้
ช่วงอาหารเย็นควรทานอาหารประเภท นึ่ง เช่น
ปลานึ่ง ผัก และผลไม้ที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยง
อาหารไขมันพวก หมู เนื้อ
4. ทานแอปเปิ้ล นม เพราะแอปเปิ้ลมีวิตามินและมี
สารที่เป็นเอนไซน์ที่สามารถทำให้เราง่วงคือ
มีฤทธิ์เป็นยานอนหลับ
5. ทานอาหารแต่หัวค่ำ ควรรับประทานอาหารเย็น
ให้เสร็จประมาณ 18.00 น. เพราะร่างกายเรา
ต้องใช้เวลาในการย่อยอาหารประมาณ 4 ชั่วโมง
จะเป็นการดีถ้าได้เดินเล่นจะใจสวนหรือในบ้าน
เพื่อเป็นการย่อยอาหารได้จะเป็นการดี เพราะ
จะช่วยให้นอนหลังง่ายขึ้น
6. ดื่มชา *เป็นชาสมุนไพรถึงจะดีเพราะคุณสมบัติ
ของชาสมุนไพรเป็นยากล่อมประสาทเพื่อช่วย
ผ่อนคลายทำให้หลับสบายดียิ่งขึ้น อย่าดื่มหลัง
อาหารนะครับ
7. งดดื่มกาแฟ ชา หลังอาหาร ก็อย่างที่รู้ว่า ชา
กาแฟมีคาแฟอีนที่จะไปกระตุ้นการตื่นตัวของ
ร่างกาย
8. เมื่อถึงเวลาควรเข้านอนทันที เพื่อจะได้ให้ร่างกาย
ได้รู้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาที่เราจะนอนคือฝึกให้เป็น
นิสัยจนร่างกายเคยชินอย่าไปฝืนนะครับ เพราะถ้า
เราฝืนจะทำให้เรานอนหลับก็จริงแต่จะหลับ ๆ ตื่น ๆ
9. งดออกกำลังกายหนัก ๆ ตอนเย็น แต่ให้ทำการ
เดินย่อยอาหารแทนแบบเบา ๆเพราะการออกกำลัง
กายหนัก ๆ จะทำให้ร่างกายเกิดความสดชื่น
กระปรี่กระเปร่าจนทำให้หลับยากขึ้น แต่ให้หันมาออก
กำลังกายตอนเช้าเป็นดีที่สุด
10. แสงสว่างภายในห้องนอน หรี่ไฟนอนก่อนสักครู่แล้ว
ค่อยดับไฟเพื่อร่างกายจะได้ปรับตัวก่อนนอน
11. จุดวางเตียง อาจเป็นวิทยาศาสตร์สักหน่อยคือ
ควรหันหัวเตียงไปทางทิศเหนือ ให้เท้าไปทาง
ทิศใต้เพราะคลื่นแม่เหล็กจะทางทิศใต้ จะทำ
ให้การนอนหลังสบายยิ่งขึ้น
12. การใช้สีภายในห้องนอน สีฟ้าเป็นสีที่ดีที่สุดที่จะ
ใช้ทาห้องนอน แต่ถ้าห้องนอนคุณชอบสีอื่นก็
ควรใช้ผ้าปูเตียง หรือ ผ้าห่มเป็นสีฟ้าก็ได้
13. อากาศในห้องนอน ควรโปร่งเข้าไว้ควรให้อากาศ
มีการถ่ายเทได้สะดวก ไม่ควรนอนในห้องแอร์
ที่มีการถ่ายเทอากาศที่ไม่ดี ถ้านอนห้องนอนที่
มีลมหรืออากาศธรรมชาติจะยิ่งดีเพราะจะทำให้
หลับสบายเมื่อตื่นก็จะสบายตัวดีกว่านอนในห้อง
แอร์มาก
****เป็นไงครับเรื่องของการนอน ที่จริงการฝึก
สมาธิก่อนนอนก็สำคัญนะครับเช่น การกำหนด
ลมหายใจเข้าออก เพื่อปรับระดับหรือการควบคุม
การหายใจก็จะทำให้การนอนหลับง่ายขึ้นมาก
ลองทำดูนะครับ มีอีกอย่างครับการรับประทาน
“กลัวย” ก็ดีนะครับนอนหลับง่ายเหมือนกัน
***แล้วพบกันบทความหน้านะครับขอให้หลับ
สบาย ๆ กันทุกคนนะครับสวัสดี

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีลดความอ้วน,วิธีลดน้ำหนัก

****น้ำหนักที่จริงยิ่งหนักยิ่งดี แต่คุณผู้หญิง
ไม่ชอบความหนัก ก็ความอ้วนไงครับ คุณผู้หญิง
กลัวมากที่สุดมีไม่กี่อย่างแต่ เยอะครับ(ล้อเล่น)
ความอ้วนเป็นสิ่งหนึ่งที่คุณผู้หญิงกลัวมาก
จะทำให้หมดความมั่นใจใจตัวเอง โดยเฉพาะ
เรื่องการแต่งกาย ความอ้วนอาจจัดอยู่เป็นอันดับ
หนึ่ง ของผู้หญิงเลยล่ะครับ
***วันนี้ก็เลยขอแนะนำวิธีลดน้ำหนักมาฝากครับ
เพราะคนที่เค้าลองใช้แล้วเห็นผลก็เพื่อนผม
ล่ะครับเลยขอนำเคล็ดไม่ลับมาฝากกันเพื่อจะ
ได้มีทางเลือกให้กับคุณผู้หญิงได้เลือกกัน
***วิธีลดนำหนักง่าย ๆมีว่า
** ลดจำนวนอาหารลง
เป็นสูตรสำเร็จแต่ไม่ใช่ให้อดแล้วหิวตายนะครับ
แต่เป็นการลดปริมาณอาหารลงที่ละนิด โดยการ
ลดไขมันลงที่ละน้อย เช่นในช่วงเช้าไม่ควรทาน
อาหารหนัก แต่เน้นที่อาหารประเภท คุกกี้,ขนมปัง
หรือไส้กรอกที่มีไขมันต่ำ
** ทานส้มโอ
ถ้าคุณไม่ชอบทานส้มโอ ก็ควรหัดได้แล้วเพราะ
ส้มโอมีสารที่จะช่วยลดระดับ “อินซูลิน” ในร่างกายได้
ทานส้มโอเป็นอาหารว่าก็ได้แต่จะดีมากถ้า
สามารถทานส้มโอ 3 ครั้งต่อวัน เพราะจะเห็นผล
เร็วมากเพื่อนบอกว่าเห็นผลทันตาไม่ต้องมานั่นทน
หิวก็ลดน้ำหนักตัวได้
** งดน้ำอัดลมและเบียร์
เลิกได้ให้เลิกเลยครับ ประเภทบอกว่าไร้น้ำตาลก็ด้วย
ส่วนมากแล้วน้ำอัดลมหรือเบียร์จะไปกระตุ้นให้
ร่างกายต้องอาหารมากขึ้น อีกอย่างของพวกนี้
ประมาณว่ามีน้ำตาลสูง 4-8 ช้อนชาที่เดียว
เลิกนะครับข้อร้องทานน้ำเปล่าที่สะอาดดีกว่า
ให้คุณค่าต่อร่างกายดีกว่าแถมยังไม่ทำให้อ้วนด้วย
*+ งานบ้านช่วยลดน้ำหนัก
คุณผู้หญิงที่ไม่ชอบทำงานบ้านเมื่อถึงคราวจำเป็น
ต้องลดน้ำหนักต่อไปนี้ต้องทำงานบ้านบ้างแล้ว
นะครับ ล้างห้องน้ำ ซักผ้า(แนะนำว่าควรซักมือจะได้
ออกกำลังดีกว่าใช้เครื่องเยอะเลย) ถูพื้น เหล่านี้
ล้วนเป็นการออกกำลังที่ดี ดีกว่าไปเล่นอะไรนะ
ฟิตเนส เพราะเราได้ออกกำลังแล้วยังได้อยู่กับ
ครอบครัวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย
ทำงานบ้านสัปดาห์ละ 3-4 ชั่วโมงไม่มากเลย
คุณว่าไหม และถ้าคุณทำได้คุณก็ได้กำจัดส่วนเกิน
ได้ถึง 3000 กิโลจูล เลยครับ (แล้วมันเท่าไหร่
กัน)อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ
*+ ยามว่าง
ขอแนะนำว่าให้นำของคบเคี้ยวที่เราทานตลอด
ช่วงว่างตอนอยู่บ้านไปเก็บไว้ไกล ๆ แล้วก็ทำ
งานยามว่างกัน เช่น ปลูกต้นไม้รอบบริเวณบ้าน
(เผาผลาญส่วนเกินไปแล้วส่วนหนึ่ง) เวลาดูทีวี
แล้วมือว่างจะทำให้เกิดความอยาก ก็ดูไปทำงาน
ไป หรือจะอ่านหนังสือไปก็ได้(เพื่อนผมทำได้สามารถ
ครับ) เล่นดนตรี หรือ เล่นกีฬากับสมาชิกในบ้าน
เช่น ตีลูกขนไก่ ขี่จักรยาน เป็นต้น
*+เซ็กเพื่อสุขภาพ
อย่าหาว่าผมลามกนะครับ อันนี้อ่านเจอมาจากหนัง
สือก็เลยนำมาใส่ไว้ให้อ่านกัน การทำกิจกรรม
เรื่องเซ็ก (ต้องเป็นสามี-ภรรยาของเรานะครับ) จะทำให้
ร่างกายเราเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 500-600
กิโลจูล เลยที่เดียวครับ
***ลดน้ำหนักง่าย ๆ โดยไม่ต้องเข้าครอสให้ยุ่งยาก
ร่างกายของคนเรามีส่วนในการช่วยลดน้ำหนัก
อยู่แล้วนั้นก็คือการเผาผลาญ การเผาผลาญ
เป็นกระบวนการที่ร่างกายจะทำให้เกิดความ
สมดุลอันจะมีผลทำให้ร่างกายของเราอยู่ในสภาพ
ที่ดีอยู่ตลอดเวลา อยู่ที่เราเลือกว่าอาหาร
ที่เรารับประทานเป็นอย่างไร มีกากใยของ
อาหารเพียงพอหรือเปล่า การขับถ่ายที่เป็น
ปรกติก็จะมีส่วนช่วยในการปรับลดน้ำหนัก
ของเราด้วย
***แล้วพบกันใหม่ครับ

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การรักษา “หูด”



****”หูด” เป็นก้อนเนื้อที่จะมีลักษณะที่ส่วนหัวของ “หูด”
เวลาที่เราเอามือลูบบริเวณหัวของ “หูด” จะมีความรู้สึก
สาก ๆ มือครับ สีของ “หูด” จะออกเป็นสีน้ำตาลเกือบดำ
หรือบ้างคนก็ออกสีดำเลยก็มี หรือเป็นสีเนื้อธรรมดาก็ได้
แต่จะออกสาก ๆ ด้าน ๆ **ไม่เกี่ยวกับ หูด หงอนไก่นะครับ
****“หูด” จะทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญอย่างเดียวแต่
จะไม่มีอาการคัน หรือ เจ็บ นะครับแต่ถ้าเราแกะหรือ
ใช้อะไรติดออกก็จะกลับมาเป็น และจะใหญ่กว่าเดิม
คือยิ่งตัด “หูด” ก็จะยิ่งโต
****ถ้าจะพูดถึงวิธีการรักษา “หูด” ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่
ต้องใช้เวลาครับ วิธีรักษา “หูด” เป็นวิธีโบราณครับแต่
รับรองว่าหายแล้วหายเลย นอกจากจะเป็นที่ใหม่นั้นก็
เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การรักษาหูดมี 3 วิธีครับ
1. การใช้ “ขี้เถ้าธูป” ก็โดยการใช้ขี้เถ้าธูปที่กำลังร้อน
ๆ เคาะลงตรงบริเวณบนหัวของ “หูด” ทำไปเรื่อย ๆ จะรู้สึก
ว่าหัว “หูด” เริ่มสุก หรือ สุกแล้วก็ให้ใช้ก้านธูปค่อยแคะออก
สังเกตว่าเมื่อหัวของ “หูด” สุกจะสะกิดครั้งเดียวก็จะหลุดออก
มาเลยและจะมีส่วนที่คล้าย ๆ รากของ “หูด” ติดมาด้วย
(ต้องแล้วแต่ขนาดของ “หูด” นะครับของผมใช้ธูปเกือบๆ 3
ดอก แต่จะทำแค่วันละ 1 ดอกเท่านั้นที่ผมเคยเป็น “หูด”
จะโตขนาดเม็ดถั่วดำก็เลยต้องใช้ธูปมากหน่อย)
ก็เป็นอันว่าเรากำจัดหูดได้แล้ว แต่ถ้าบางคนไม่มีรากออกมา
ก็ไม่เป็นไรนะครับคือขอให้ “หูด” สุกก็พอแล้ว
ส่วนแผลเป็นไม่ต้องห่วงครับไม่มีแน่แต่ต้องใช้เวลา
นานหน่อยก็ประมาณ เกือบปีครับแล้วแต่ว่าหูดเราเล็กหรือใหญ่
2. วิธีรักษา “หูด”อีกตัวผมจะขอแนะนำให้ใช้
“ยางมะละกอ” วิธีนี้ผมใช้รักษา “หูด” เม็ดที่สองครับครั้งแรก
เป็นที่บริเวณขา แต่ “หูด” หัวนี้เป็นบริเวณมือก็เลยต้องใช้
“ยางมะละกอ” วิธีรักษา “หูด” ด้วยยางมะละกอ ก็ง่าย ๆ
ครับแค่ให้เรานำยางของมะละกอดิบมาป้ายบริเวณหัว
“หูด” ก็ทำไปเรื่อย ๆ ครับ พอสุกหรือ พอหัว “หูด” เปื่อย
เราก็หาอะไรที่สะอาดมาจะกิดออก
3. วิธีรักษา “หูด” อีกวิธีก็คือ การใช้ “ปูนแดง” ครับ
ปูนแดงที่คุณยายใช้กินหมากนั่นแหละครับทำเหมือนวิธีที่ 2
รับรองว่าหายเหมือนกัน
*****การรักษา “หูด” ก็แล้วแต่ว่าใครจะทำแบบไหนแต่ทำ
แล้วไม่เป็นอันตรายก็ทำไปเถอะครับ แต่ของเน้นว่า
ถ้าเราเป็นบริเวณที่น่าจะเป็นอันตรายก็ควรไปหาหมอ
นะครับไม่หายแต่ก็พอบรรเทาได้ เช่นบริเวณ หน้า
หรือ รอบดวงตา
***แล้วพบกันใหม่

อาการโรคภูมิแพ้

                               โรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้เป็นปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดการตอบสนองที่ผิดปกติต่อสารท...