วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

มุมมองในการเลิกยาเสพติด


***การเลิกใช้ยาหรือหยุดการใช้สารเสพติดเป็นการทำได้ยาก และ

ต้องใช้เวลาในการรักษา ต้องมีความตั้งใจที่จะเลิกและต้องไม่เลิก

มุ่งหวังในสิ่งที่ต้องการทำ การอยากยาจะเกิดได้ทุกขณะจิตเมื่อเรา

มีเวลาว่างหรือเมื่อถึงเวลา และสาเหตุอื่นที่ต้องกลับไปหายาอีก

เมื่อเวลาเหงา เครียด วิตกกังวล เมื่อมีเงิน หรือ เมื่อต้องกลับไป

เจอเพื่อน ๆ ที่เคยเสพยามาด้วยกัน และรวมถึงการทนคำพูดยั่ว

ยุจากคนรอบข้างไม่ได้

****ถ้าต้องการห่างไกลจากความอยากยา

1.สิ่งแรกที่คิดได้คือไม่ควรไปพบกับเพื่อนที่ติดสารเสพติดอีก

เพราะมีโอกาสกลับไปติดยาได้อีกจากการชวน หรือขัดไม่ได้

2.ทำกิจกรรมให้มาก ๆ เช่นเล่นกีฬา ดนตรี อ่านหนังสือ หรือ

ทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ต้องไปคิดถึงสิ่งเสพติด

3.เอาชนะคนที่พูดดูถูกเราให้ได้ดังนั้นไม่ว่าใครจะพูดอะไร

ก็ไม่ควรนำมาเป็นอารมณ์ เช่น เดินหนีเสีย

4.คิดถึงสิ่งที่เรารักให้มาก ๆ เช่น พ่อ แม่ ภรรยา และลูก และอย่า

พยายามเข้าใกล้หรือนำตัวไปข้องแวะกับสิ่งเสพติดทุกชนิด

***ถ้าเราได้เข้าบำบัดแล้วควรพยายามทำใจให้ได้กับสิ่งที่

ต้องเจอ การทำกิจกรรมที่จะช่วยเราให้หายฟุ้งซ่านได้ก็อย่า

เบื่อในการทำ และคิดเสมอว่าเราทำเพื่อตนเองก่อน ทำให้

ดีก่อนในวันนี้ พยายามอย่างปลีกตัวเองออกจากผู้ที่ให้การ

บำบัดหรือเพื่อนในกลุ่มควรแลกเปลี่ยนทุกอย่างที่เราเป็น

และทุกอย่างที่เราต้องการเมื่อสามารถเลิกยาได้แล้ว การมี

ความหวังก็เป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยเรารู้ว่านอกจากทำเพื่อตัวเรา

เองแล้ว ยังนำความภูมิใจกลับไปฝากคนรอบข้างของเรา

ด้วย

****คนที่หันไปพึ่งยาเสพติดอาจเพราะปัญหาในครัวครอบ

คือความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน คอยระแวงว่าจะทำตัวไม่ดี

หรือจะไปสร้างปัญหามาให้ นอกจากคนในครอบครัวแล้ว

ก็คือเพื่อน ๆ เราก็คือเพื่อนเหมือนกันดังนั้นการคบเพื่อน

ไม่ดีก็จะนำมาซึ่งความวิบัติให้กับตนเองได้ การอยากลอง

ใช้ยาเพื่อคลายความเครียดหรือเพื่อความสนุกเพราะคิดว่า

ไม่ติดก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้ติดยาเพิ่มมากนอก

เหนือจากความอยากเด่น และต้องการการยอมรับจากเพื่อน

****ก่อนที่จะคิดเสพยาเสพติดถ้าเราได้หยุดคิดสักนิดก่อน

ว่าผลที่ได้รับเป็นอย่างไร หรือมองดูสังคมรอบข้างว่าผู้ที่ติด

ยาแล้วโอกาสทางสังคมของคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร ครอบครัว

เราอีกล่ะ จะทำอย่างไร อย่าปล่อยให้ความอยากดัง หรือการได้

รักการยอมรับจากเพื่อน มาทำลายชีวิตเราทั้งชีวิตเลยเพราะไม่

ใช่ชีวิตเราคนเดียวแต่เราได้พ่วงชีวิตคนอีกมากหลายไปด้วย

คงไม่ต้องอธิบายว่ามีชีวิตของใครบ้าง

***หันหลังให้สิ่งที่ไม่ดี ดีกว่าเผชิญหน้ากับสิ่งที่รู้ว่าจะนำความวิบัติ

มาให้ บ้างครั้งการหันหลังบางสิ่งกลับเป็นผลดีกับชีวิตของเรา

ก็ได้

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

เอดส์ (AIDS)


***เอดส์ AIDS จัดเป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากการ

ติดเชื้อไวรัส เอชไอวี (HIV – Human Immunodeficiency

Virus) พบผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์คนแรกเป็นชายที่มีลักษณะ

รักร่วมเพศที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ แต่สำหรับ

ที่พบในประเทศไทยมีการพบครั้งแรกเมือปี พ.ศ. ๒๕๒๗

การทำงานของโรคเอดส์โดยเชื้อจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว

และเซลล์หลายชนิดในระบบภูมิคุ้มกันให้เสียหายโดยเฉพาะที่

สำคัญคือ CD 4 Lympocytes ทำให้ภูมิต้านทานลดน้อยลง

จนทำให้เกิดเป็นโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ

****การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ที่ได้รับการยืนยันของการแพร่ระบาด

กลุ่มแรก คือ ชายรักร่วมเพศ

กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มของผู้ติดยาเสพติด ชนิดที่ฉีดเข้าเส้นเลือด

กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มของหญิงขายบริการทางเพศ โดยกลุ่มนี้จะเป็น

กลุ่มเป้าหมายในการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

กลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มชายนักเที่ยวทั่วไป

กลุ่มที่ห้า คือ กลุ่มของแม่บ้านหรือหญิงทั่วไป แฟน หรือ หญิง

มีครรภ์ รวมถึง ทารกด้วย

ในปัจจุบันพบการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่

เพราะส่วนมากเกิดจากการทีเพศสัมพันธ์แบบฉาบฉวย เช่น

กับเพื่อน กับแฟน โดยไม่ได้ป้อง(ไม่ใช้ถุงยางอนามัย)

***การป้องกันตนเองจากโรคเอดส์ ที่สำคัญสำหรับคนที่มีหรือ

ไม่ครองครัวคือ

๑.ผู้ที่มีครอบครัวแล้วต้องรักเดียวใจเดียวและยังใช้ได้แม้แต่ผู้ที่ยังไม่มี

ครอบครัวด้วย

๒.ถ้าไม่แน่ใจต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งไม่เว้นแม้แต่กับภรรยา

เพราะผู้ชายส่วนมากมักชอบเที่ยวอยู่เมื่อมีเพศสัมพันธ์มากจาก

ภายนอกแล้วไม่แน่ใจจึงควรป้องกันคนที่เรารักไว้ก่อน

๓.ควรตรวจเอดส์ก่อน แต่งงาน และ ก่อนตั้งครรภ์เสมอทุกครั้ง

๔.ควรงดสารเสพติดทุกชนิดแม้แต่สุราเพราะจะครองสติไม่ได้

๕.ให้หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมร่วมกันเช่น เข็มฉีดยา

***การติดต่อของโรคเอดส์ ส่วนมากมักจะติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์

โดยไม่สวมใส่ถุงยางอนามัย และสามารถติดต่อทางเลือด โดยจะ

มาจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และการรับบริจาคเลือด หรือแม้แต่

การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกทั้งในระหว่างอยู่ในครรภ์ ระหว่างคลอด

หรือโดยผ่านทางน้ำนมจากแม่ เป็นต้น

***ผู้ที่ควรตรวจหาเชื้อเอดส์ มีดังนี้

๑.หญิงที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเช่น หญิงขายบริการ หรือ วัยรุ่นที่

มีเพศสัมพันธ์แบบฉาบฉวย และชายรักร่วมเพศด้วย

๒.ผู้คิดจะแต่งงาน

๓.ผู้ที่สงสัยคู่นอนมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ชอบเที่ยว หรือ ชอบรักร่วมเพศ

๔.เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ หรือ ต้องการตั้งครรภ์

๕.ผู้ที่ต้องไปทำงานในต่างประเทศบ่อย ๆ

***อาการของโรคเอดส์ จะมีอาการแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ

๑.ในระยะแรกจะไม่แสดงอาการ และการตรวจเลือดจะได้

ผลบวกหลังจากได้รับเชื้อประมาณ ๖ สัปดาห์ขึ้นไป

๒.ระยะมีอาการ โดยจะเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อ HIV

ประมาณ ๘-๑0 ปี อาการที่ปรากฏเช่น มีไข้เรื้อรัง ท้องเสีย

มีเชื้อราในปาก เริม เป็นต้น

3.ระยะโรคเอดส์ ภูมิต้านทานในร่างกายจะลดต่ำลงมาก ทำให้

ติดเชื้อแทรกช้อนรุนแรงเช่น วัณโรคปอด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

จากเชื้อรา มะเร็งบางชนิดและทำให้เสียชีวิตได้

***ข้อควรปฏิบัติเมื่อติดเอดส์

๑.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

๒.ออกกำลังกายบ่อย ๆ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง

๓.ต้องสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

๔.งดบริจาคโลหิต หรืออวัยวะ และหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด

๕.ไม่ควรตั้งครรภ์

๖.อยู่สถานที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก

๗.ทำจิตใจให้เข้มแข็ง

๙.พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

***โรคเอดส์เป็นโรคที่ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายได้

ดังนั้นผู้ที่เป็นแล้วจึงควรป้องคนที่เรารักด้วยการไม่ไปแพร่

เชื้อโดยเฉพาะกับภรรยา หรือ กับ บุคคลอื่นเพราะนอกจาก

จะทำให้ผู้อื่นต้องติดเชื้อตามไปด้วย ก็จะเป็นเวรเป็นกรรม

ต่อกัน

อาการโรคภูมิแพ้

                               โรคภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้เป็นปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดการตอบสนองที่ผิดปกติต่อสารท...